To live; to love; to learn; and to leave a legacy
หนึ่งใน Quote ที่ผมชอบและประทับใจ และใช้เตือนตัวเองอยู่ทุกบ่อยมากว่า 20 ปีแล้ว หลายๆ เดือนก็หยิบเอาวลีนี้มาเขียนเตือนตัวเองใน journal ส่วนตัวเสียทีหนึ่ง
จำโควทนี้ได้จากปกในของหนังสือ “First Things First” ที่ซื้อครั้งแรกเพราะเข้าใจว่ามันคือหนังสือเกี่ยวกับ time management อ่านจบแล้วถึงเข้าใจได้ว่า มันไม่ใช่เวลาที่เราต้องบริหาร มันคือการจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ในชีวิต และวลีเหล่านี้ ช่วยเตือนเราว่า อะไรคือสิ่งสำคัญ
ความเร็วไม่ได้สำคัญเท่ากับทิศทาง ก่อนที่เราจะเริ่มวิ่ง หรือแม้แต่ละเริ่มก้าวเดิน เช็คให้ชัวร์ก่อนว่า เราตั้งเข็มทิศของเราไว้ถูกต้องแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะรีบออกวิ่ง หากยังไม่แน่ใจว่าจุดหมายปลายทางนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องการจริงหรือไม่
โควทนี้สะท้อนถึงความต้องการพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ในสี่มิติที่แตกต่างกัน
- To live ความต้องการทางกายภาพ กินอิ่ม นอนหลับ สุขภาพแข็งแรง หรืออาจจะความสุขทางกายอื่นๆ เช่น เดินทางท่องเที่ยว พักผ่อน รื่นเริง แต่มันก็เป็นเพียงความสุขสั้นๆ ชั่วคราวแล้วก็จางหายไป
- To love ลำดับต่อไปคือความต้องการทางอารมณ์ ต้องการความรัก เป็นส่วนหนึ่ง ครอบครัว การดูแลเอาใจใส่ ความสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักจะมีความหมายมากกว่าความสุขทางกาย
- To learn คือความต้องการทางสมองและจิตใจ ความอยากรู้อยากเห็นเป็นส่วนหนึ่งของความต้องการของมนุษย์โดยธรรมชาติ ความรู้สึกที่ว่าได้รู้ ได้เข้าใจ และได้สร้างอะไรบางอย่างขึ้นมา สิ่งเหล่านี้หล่อเลี้ยงสมองและจิตใจ
- To leave a legacy ความต้องการขั้นสูงสุดน่าจะเรียกได้ว่า เป็น life purpose หรือ meaning ก็เป็นได้ มันคือความอยากจะ “leave something behind” อยากสร้างประโยชน์ตกทอดไว้
ผมมักจะถามตัวเองในสองประเด็นหลังอยู่เสมอ ถามอยู่เรื่อยๆ เหมือนกับคนที่ต้องคอยตรวจสอบเข็มทิศอยู่ตลอดเวลา เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ เราเข้าใจอะไรเพิ่มขึ้น เราสร้างอะไรอยู่ และเรากำลังทิ้งอะไรไว้เป็นอนุสรณ์เบื้องหลัง เมื่อเราลาโลกนี้ไป
เรื่องนี้ถูกเขียนใน emotion และติดป้ายกำกับ quote โดย PanaEk คั่นหน้า ลิงก์ถาวร
Originally published at http://pwarawit.wordpress.com on April 27, 2021.